Digital Marketing

เมื่อโลกของเราสามารถเชื่อมต่อถึงกันและกันได้อย่างไร้ขีดจำกัด การทำการตลาดออนไลน์หรือ Digital Marketing เพื่อให้มีผู้คนรู้จักสินค้ามากขึ้นและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรกับสินค้าหรือบริการจึงกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ขาดไม่ได้ เพราะกลยุทธ์การทำการตลาดบนโลกออนไลน์ในปัจจุบันถือเป็นวิธีที่เข้าถึงกลุ่มคนได้จำนวนมาก แถมยังลงทุนน้อย ไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ยังสามารถขายสินค้าและบริการต่างๆ ได้

และด้วยเหตุนี้ Digital Marketing จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่กำลังมาแรงสำหรับคนที่ต้องการทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จัก ว่าแต่มันคืออะไรกันแน่ มาทำความรู้จักกันเลย ฮิปปป

Digital Marketing คืออะไร

Digital Marketing คืออะไร

Digital Marketing คือ การตลาดที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นสื่อกลาง อาจจะนำเสนอผ่านทางข้อความ,  SMS, โฆษณาทางโทรทัศน์, Search Engines เช่น Google, เว็บไซต์ต่างๆ อีเมล หรือ Social Media ซึ่งเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน

การมาถึงของ Digital Marketing นั้นเป็นเหมือนการเปลี่ยนผ่านยุคสมัยของการโฆษณารูปแบบดั้งเดิม(Traditional Marketing) ที่เป็นแบบการติดป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่ การลงโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ หรือการส่งจดหมาย นิตยสาร หรือแค็ตตาล็อกสินค้าให้ตามที่อยู่ของลูกค้า มาเป็นการนำเสนอในแบบที่ลดต้นทุนลงแต่เพิ่มคนมองเห็นให้สามารถเห็นได้ง่ายในจำนวนที่มากขึ้นผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ที่กล่าวไปในข้างต้นแทนนั่นเอง

ความแตกต่างของ Digital Marketing และ Online Marketing

พอเข้าใจแล้วว่า Digital Marketing คืออะไรก็อาจทำให้หลายคนสงสัยขึ้นมาว่า แล้วคำว่า Digital Marketing  มันต่างจาก Online Marketing ยังไง ในเมื่อรูปแบบก็ดูคล้ายๆ กัน ก็ต้องบอกเลยว่าการตลาดทั้งสองอย่างนั้นมีความแตกต่างกันที่ Digital Marketing คือการทำผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ตโฟน โทรทัศน์ ป้าย LCD กลางสี่แยกหรือคอมพิวเตอร์ ขณะที่ Online Marketing นั้นจะเป็นการนำเสนอผ่านทางช่องทางออนไลน์เช่น Social Media เว็บไซต์หรืออีเมล เป็นต้น เรียกได้ว่า Online Marketing คือส่วนหนึ่งของ Digital Marketing ก็ได้เช่นกัน

ทำไมธุรกิจปัจจุบันถึงต้องทำ Digital Marketing

ทำไมธุรกิจปัจจุบันถึงต้องทำ Digital Marketing

ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วทำให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์กับชีวิตของผู้คนมากขึ้น รูปแบบการใช้ชีวิตของคนเราจึงเปลี่ยนแปลงไปจากที่เคยติดตามข่าวสารผ่านหนังสือพิมพ์ก็เลือกใช้สมาร์ตโฟนหรือคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวเพื่อตามข่าวสารแทน จากที่ต้องซื้อหนังสือหลายเล่มเพื่อหาข้อมูลเรื่องเดียวก็สามารถค้นหาได้ทั้งหมดทางสมาร์ตโฟน

ด้วยเหตุนี้เอง ช่องทางที่คนนิยมใช้กันมากที่สุดจึงกลายเป็นสมาร์ตโฟนหรือคอมพิวเตอร์มากกว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์หรือจดหมาย และด้วยหลายสิ่งหลายอย่างที่สามารถทำผ่านโลกออนไลน์ได้แล้วทำให้การใช้ Digital Marketing ในการทำการตลาดจะได้ผลที่ดี รวดเร็วและวัดผลได้ชัดเจนมากกว่า เรียกว่าเป็นช่องทางหนึ่งที่ทั้งนำเสนอและเก็บข้อมูลมาพัฒนาต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากในยุคปัจจุบัน

ประเภทของ Digital Marketing

Digital Marketing นับเป็นโลกทำการตลาดอันกว้างใหญ่ที่มีหลากหลายประเภทให้เราเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม โดย AMPROSEO ได้รวบรวมมาให้ทุกคนรู้จักกันตรงนี้แล้วทั้งหมด 7 ประเภทด้วยกัน ได้แก่

SEO (Search Engine Optimize)

ประเภทของ Digital Marketing ได่แก่ SEO (Search Engine Optimize)

Search Engine Optimize หรือ SEO คือ การดันอันดับให้หน้าเว็บไซต์ของเราไปอยู่อันดับต้นๆ ในหน้าแรกของ Search Engine อย่าง Google เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้คนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้ทำความรู้จักกับสินค้าหรือบริการมากขึ้น โดย Digital Marketing วิธีนี้นับเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูงทีเดียวเพราะในปัจจุบันทุกคนมักต้องการหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อนเสมอ และการทำ SEO ยังมีแนวทางที่แน่ชัดเจน มีตัววัดผลที่บอกได้ว่ามีคนเข้าชมมากเท่าไหร่ เข้ามาแล้วใช้เวลาเท่าไหร่ พวกเขาสนใจอะไร และอีกมากมาย

ดังนั้น การใช้ SEO จึงทำให้การพัฒนาคอนเทนต์ การนำเสนอข้อมูล หรือแม้แต่การเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการสามารถทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพอย่างมาก ที่สำคัญคือ ไม่มีค่าใช้จ่าย เราสามารถใช้เทคนิคการทำ SEO ในการดันอันดับได้เลยเพียงแต่ต้องใช้เวลาอยู่บ้างเท่านั้น

Paid Search

สำหรับคนที่ไม่ต้องการรอเวลาอย่าง SEO สามารถใช้วิธีการซื้อ Keyword ที่กลุ่มเป้าหมายทางธุรกิจใช้ในการค้นหา เพื่อย่นระยะเวลาในการทำอันดับบน Google ได้ เพราะทันทีเราทำ Paid Search แล้วมีคนค้นหาคำ Keyword นั้นๆ หน้าเว็บไซต์ที่เราต้องการให้คนเห็น Ads ที่ยิงไปก็จะแสดงผลขึ้นมาทันที เมื่อมีคนเห็นมากขึ้นกิจกรรมหรือสินค้าที่เราต้องการนำเสนอก็จะถูกเห็นมากขึ้น โดยการทำ Paid Search จะเก็บเงินตามจำนวนการคลิกเข้าไป จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า PPC หรือ Paid-Per-Click นั่นเอง

Content Marketing

Content Marketing

Content Marketing นับเป็นส่วนสำคัญอย่างมากเรียกว่า เป็นหัวใจหลักในการทำ Digital Marketing เลยทีเดียว เพราะไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอช่องทางใดก็ตามล้วนแต่ต้องมีการทำเนื้อหาหรือสารที่ต้องการจะสื่อออกมา ยิ่งคอนเทนต์หรือเนื้อหาที่ทำนั้นดีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสามารถดึงดูด User หรือคนที่สนใจสินค้าให้อยู่กับเราได้นานมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่การแข่งขันของ Digital Marketing มีความท้าทายมากขึ้น การใช้คอนเทนต์ที่มีคุณภาพจะยิ่งสร้างความประทับใจได้ง่ายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นช่องทางใดก็ตามหากเราเลือกใช้คอนเทนต์ที่เหมาะสมก็สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีได้เช่นกัน

Social Media Marketing

Social Media Marketing เป็นการทำ Digital Marketing บนช่องทาง Social Media อย่าง Facebook, Instagram หรือTikTok เป็นต้น ซึ่งนับเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมสูงมาก เพราะเป็นช่องทางที่คนมากมายเข้าไปใช้งานบ่อยครั้ง ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มก็จะได้รับความนิยมจากกลุ่มเป้าหมายที่ต่างกันออกไป หากเราสามารถนำเสนอได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายการทำให้ธุรกิจของเราเป็นที่รู้จักในช่องทางโซเชียลมีเดียก็ไม่ใช่เรื่องยากหากต้องการขายสินค้าหรือบริการของทางแบรนด์อีกต่อไป อีกทั้งบนช่องทาง Social Media เหล่านี้ได้สร้างเครื่องมือสำหรับการทำการตลาดเอาไว้ช่วยเพิ่มโอกาสของเราได้มากขึ้นไปอีก เช่น การมีตัวช่วยในการทำ Tracking ต่างๆ อย่างการมี Facebook Pixel เป็นต้น

Email Marketing

Email Marketing เป็นการทำการตลาดผ่านทางอีเมล ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นวิธีการคลาสสิกเพราะอีเมลถือเป็นช่องทางการติดต่อออนไลน์ช่องทางแรกๆ ที่เกิดขึ้นและยังคงมีการใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งการทำ Digital Marketing ด้วยช่องทางนี้นั้นจะต้องมีข้อมูล Email ของลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายเสียก่อนจึงจะสามารถทำได้ ดังนั้น การทำ Email Marketing นั้นจึงไม่ใช้เพื่อทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักสนใจแต่ทำเพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้ออีกครั้งหรือสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าหรือที่เรียกว่าการทำ CRM มากขึ้นมากกว่า

Influencer Marketing

Influencer Marketing

Influencer Marketing เป็นการทำ Digital Marketing โดยใช้อินฟลูเอนเซอร์หรือกลุ่มคนที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของกลุ่มเป้าหมายเข้ามาช่วยโปรโมตหรือนำเสนอสินค้าให้กลุ่มเป้าหมายของเราเกิดความสนใจ ทำความรู้จักกับสินค้าได้ง่ายมากขึ้น เป็นวิธีหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมมากทีเดียว และยังมีหลายช่องทางให้เลือกใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอทาง Social Madia อย่าง Facebook Blogger หรือ Youtube  เรียกว่าสามารถนำเสนอได้ตามกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมแล้วเพิ่มพลังของอินฟลูเอนเซอร์บวกเข้าไปอีกที

Affiliate Marketing

Affiliate Marketing เป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากเช่นกัน เพราะ Affiliate Marketing นั้นจะเป็นการใช้ตัวแทนมาช่วยขายสินค้าหรือบริการ ซึ่งตัวแทนนั้นจะเป็นใครก็ได้ เป็นผู้ใช้จริงหรือเป็นคนที่ต้องการหารายได้เสริมก็ได้ทั้งนั้นเพราะตัว Affiliate Marketing นั้นจะให้ค่าตอบแทนในรูปแบบของค่าคอมมิชชัน คือได้ตาม % หากมีการซื้อจากการทำ Affiliate ของตัวแทนคนนั้น การนำเสนอรูปแบบนี้ทำให้กลุ่มเป้าหมายจึงให้ความรู้สึกสมจริงมากขึ้น เหมือนกับการฟังรีวิวการใช้งานจากผู้ใช้จริงนั่นเอง

กลยุทธ์ในการทำ Digital Marketing

แน่นอนว่าการทำ Digital Marketing นั้นมีการแข่งขันค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ทำให้ต้องมีกลยุทธ์ในการทำการตลาดกันสักหน่อย อย่ารอช้า มาดูกันเลย ฮิปปป

SWOT Analysis

กลยุทธ์ในการทำ Digital Marketing ได้แก่ SWOT Analysis

กลยุทธ์แรกนับเป็นกลยุทธ์สำคัญที่สร้างขึ้นเพื่อให้เรารู้จักธุรกิจของตัวเองดีขึ้นก่อนการเริ่มทำ Digital Marketing เพราะ SWOT Analysis คือการวิเคราะห์ 4 ข้อสำคัญคือ

  • Strength หรือจุดแข็ง อะไรเป็นจุดเด่น จุดแข็งที่คุณมั่นใจว่าสินค้าหรือบริการของคุณโดดเด่นหรือแตกต่างจากคู่แข่ง
  • Weakness หรือจุดอ่อน เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องรู้เช่นกันว่าจุดอ่อนหรือจุดที่คู่แข่งทำได้ดีกว่าคืออะไร
  • Opportunities หรือโอกาส คือการวิเคราะห์ดูว่าสถานการณ์แบบไหนที่เกิดขึ้นแล้วจะส่งผลดีต่อธุรกิจหรือการทำ Digital Marketing ของเรา
  • Threats หรืออุปสรรค เป็นการดูว่าสถานการณ์แบบไหนจะทำให้เกิดผลเสียกับธุรกิจของเรา

จุดแข็งและจุดอ่อน นับเป็นสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้เอง แต่โอกาสกับอุปสรรคนั้นเราควบคุมไม่ได้ได้แต่คาดการณ์เอาไว้เท่านั้น หากหาทั้งสี่ข้อนี้ได้แล้วการสร้างแผนการทำการตลาดแบบ Digital Marketing จะทำได้ครอบคลุมสามารถรอรับโอกาสและยังรับมือกับอุปสรรคได้มากขึ้นด้วย

Customer Persona

Customer Persona

ที่มาภาพ: https://www.slideteam.net

สำหรับการทำ Digital Marketing ที่ต้องนำเสนอให้ตรงใจของกลุ่มเป้าหมายนั้นการทำ Customer Persona นับว่าขาดไม่ได้เลย เพราะมันคือการใช้ข้อมูลการวิจัยทางการตลาดและการเก็บข้อมูลพฤติกรรมมาสร้างให้ออกมาเป็นคนหรือกำหนดบุคลิก อธิบายลักษณะให้เป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงเพื่อทำความเข้าใจกับการใช้ชีวิต การตัดสินใจหรือพฤติกรรมต่างๆ แล้วสร้างแผนการตลาดที่เหมาะสมและสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

กำหนด Objectives

การกำหนด Objectives หรือการกำหนดวัตถุประสงค์ทางการตลาดเป็นเหมือนการวางเป้าหมายให้การทำ Digital Marketing มีหลักในการสร้างเส้นทางไปสู่เป้าหมายและบรรลุวัตถุประสงค์ได้ นับเป็นรากฐานอย่างหนึ่งที่จะช่วยคุณกำหนดตัวชี้วัดและสร้างแผนการตลาดขึ้นมาแล้วดำเนินการตามแผน เช่น ธุรกิจต้องการสร้างการรับรู้แบรนด์ (Build Brand Awareness), ธุรกิจต้องการสร้างผลลัพธ์หรือกำหนดรายได้ (Hit Conversion) เป็นต้น

วางแผนแคมเปญให้ตรงกับ Marketing Funnels

วางแผนแคมเปญให้ตรงกับ Marketing Funnels

ที่มาภาพ: https://www.skyword.com/

หลังจากที่เรากำหนด Objectives หรือวัตถุประสงค์ให้กับการทำ Digital Marketing แล้ว ยังต้องกำหนด Marketing Funnels หรือขั้นตอนการวางแผนทำการตลาดที่จะทำให้เราไปถึงวัตถุประสงค์ที่วางเอาไว้ ซึ่งอาจจะมีหลายขั้นตอน แต่ทุกขั้นตอนคือการก้าวไปหาวัตถุประสงค์ที่วางไว้ท้ายที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการสร้างยอดขายหรือการทำให้เกิด Conversion ขึ้น แต่ที่สำคัญที่สุดคือเราต้องมั่นใจว่าขั้นตอนแต่ละขั้นตอนนั้นสามารถทำได้จริง วัดผลได้จริง

เลือกกลยุทธ์การตลาดและช่องทางที่เหมาะสม

เลือกกลยุทธ์การตลาดและช่องทางที่เหมาะสม

กลยุทธ์ทุกกลยุทธ์ต่างก็ออกแบบมาเพื่อสถานการณ์และประเภทของธุรกิจที่ต่างกันออกไปจึงต้องเลือกใช้ให้เหมาะกับธุรกิจของเรามากที่สุด ยิ่งกับ Digital Marketing ที่มีช่องทางมากมายให้เลือกใช้ด้วยแล้วยิ่งต้องดูช่องทางที่กลุ่มเป้าหมายของเราสามารถชื่นชอบ หากเราคัดเลือกช่องทางหรือเก็บข้อมูลดูว่าช่องทางไหนได้ผลมากที่สุดก็สามารถลดต้นทุนการทำการตลาดลงแต่สร้างผลกำไรหรือเดินเข้าใกล้วัตถุประสงค์ที่วางไว้มากขึ้นกว่าเดิมได้เลยทีเดียว

วัดผลลัพธ์และปรับปรุง

การทำ Digital Marketing นั้นมีจุดเด่นอย่างหนึ่งคือการวัดผลที่สามารถทำได้แม่นยำและเก็บได้ทุกรายละเอียดนั่นคือการวัดผล ยิ่งกับการทำ SEO, Paid Search และ Social Media ยิ่งสามารถเก็บข้อมูลได้อย่างละเอียด ซึ่งเราสามารถนำเอาข้อมูลส่วนนี้มาวิเคราะห์หาจุดที่ควรแก้ไข ช่องทางที่เหมาะสมกับสินค้าหรือบริการ เรียกว่าเป็นการตรวจเช็กและปรับปรุงกลยุทธ์ให้ดีมากกว่าเดิม ขั้นตอนนี้นับเป็นกลยุทธ์พื้นฐานของการตลาดที่ขาดไม่ได้ในทุกธุรกิจเลยนะ เมี้ยว

สรุป

Digital Marketing นั้นมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลาเพราะความสนใจของผู้คนไม่เคยหยุดนิ่ง แต่ข้อดีของการพัฒนาอยู่เสมอนั้นคือคนที่สนใจอยากเรียนรู้เกี่ยวกับมันสามารถเริ่มต้นเรียนรู้และทดลองทำด้วยตนเองได้เลย เพียงแค่มีพื้นฐานทางการตลาดอยู่บ้างก็สามารถทำความเข้าใจได้ไม่ยาก ทั้งในการทำ Digital Marketing หรือการวางกลยุทธ์การทำการตลาดต่างก็ต้องการการทดลองทำทั้งสิ้น

เขียนโดย: น้อง Hippo
น้อง Hippo
บล็อกนี้ เป็นแหล่งรวมความรู้ SEO และการตลาดออนไลน์ที่ครบครันที่สุด อ่านแล้วนำไปใช้ได้จริง พัฒนาทักษะของคุณให้เติบโต