Search Intent
สำหรับคนทำ SEO แล้วคำว่า Search Intent คงจะเป็น Buzzword ที่คุ้นหูมากทีเดียว ยิ่งกับคนที่ทำคอนเทนต์เพื่อเพิ่มอันดับ SEO ยิ่งต้องให้ความสำคัญ แต่สำหรับบางคนที่ได้ยินคำนี้เป็นครั้งแรกอาจจะยังไม่เคยรู้ความหมายจริงๆ ของมันก็ได้ว่าคำว่า Search Intent นี้ มันคืออะไรกันแน่?
บทความ Search Intent นี้ Amproseoก็จะไม่บอกแค่ว่ามันคืออะไรเท่านั้น แต่ยังได้รวบรวมเอาสิ่งที่คนทำ SEO ต้องรู้อย่างเช่น Search Intent มีกี่ประเภท มีความสำคัญอย่างไร และแน่นอนว่าต้องบอกว่าควรจะใช้มันอย่างไรถึงจะช่วยดันอันดับในหน้า Google ได้บ้าง ถึงตรงนี้ก็อย่ารอช้า ไปดูกันเลย
Search Intent คืออะไร?
Search Intent คือ เจตนาของการค้นหา จริงๆ แล้วคำนี้มีส่วนสำคัญอยู่ที่คำว่า Intent ซึ่งแปลว่าเจตนาหรือวัตถุประสงค์ เราอาจเคยได้ยินถึงคำว่า User Intent (เจตนาของผู้ใช้) หรือคำว่า Keyword Intent (เจตนาของคำ) ที่จะให้ความหมายคล้ายกัน
ดังนั้น Search Intent จึงหมายถึง เจตนาหรือวัตถุประสงค์ในการค้นหา อธิบายอย่างง่ายเลยก็คือ การใช้ที่คนค้นหา Keyword นี้บน Google เพื่ออะไร เช่น ใช้คำว่า “มะนาว” กับคำว่า “ประโยชน์” คำสองคำนี้สามารถคาดเดาเจตนาของการค้นหาคำนี้บน Google อย่างไรได้บ้าง อย่างเช่น มะนาวมีประโยชน์อย่างไรบ้าง เป็นต้น
ประเภทของ Search Intent
หลายคนอาจคิดว่า Search Intent ต้องอาศัยการจับจุดบางอย่างถึงจะมองออก บอกเลยว่าไม่จริงหรอก คุณเพียงแค่ต้องรู้จักมันให้มากขึ้นสักหน่อย อย่างการทำความเข้าใจกับประเภทของ Search Intent ว่าแต่ละประเภทนั้นเป็นยังไงบ้าง มาทำความรู้จักทั้ง 4 ประเภทกันเลย
Navigational Intent
Navigational Intent ฟังดูก็นึกถึงเส้นทางกันแล้ว ใช่เลยมันคือการค้นหาโดยมีเจตนาเพื่อถามเส้นทาง แต่จะเป็นเส้นทางไปสู่เว็บไซต์ เป็นลิงก์หรือ URL ก็ได้ โดย User อาจจะรู้อยู่แล้วว่าจะไปไหน แต่ไม่อยากพิมพ์เองทั้งหมดก็เลยมาค้นหาเอา เช่น “ไมโครซอฟต์” แบบนี้คือ User กำลังหาเส้นทางเข้าเว็บไซต์ Microsoft อยู่นั่นเอง หรืออาจเป็นการตามหาสถานที่หรือช่องทางติดต่อ ก็ได้เช่นกัน
Informational Intent
สำหรับ Intent ประเภทนี้แน่นอนว่า User กำลังหาข้อมูลเป็นจุดประสงค์หลัก เป็น Search Intent ประเภทที่มีการค้นหามากที่สุด เพราะ User ส่วนใหญ่ที่ใช้ Google ก็มักจะเข้ามาเพื่อหาข้อมูลแบบเบื้องต้น ซึ่งสามารถทำการต่อยอดเพื่อหาข้อมูลในเชิงลึกต่อก็ได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น คุณค้นหาคำว่า “SEO คืออะไร” แล้วก็จะเจอกับข้อมูลเบื้องต้นเป็นคำตอบ แต่เมื่อคุณอ่านเนื้อหาในเบื้องต้นรู้แล้วก็อาจจะมีการเสิร์ชคำอื่นๆ ที่เป็นคำเชิงลึกมากขึ้น เช่น On-Page SEO คืออะไร, Off-Page SEO คืออะไร เป็นต้น ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้จัดว่าเป็น Informational Intent ทั้งสิ้น
Commercial Intent
Commercial Intent เป็นการค้นหาเพื่อตามหาสินค้าหรือบริการ Search Intent ประเภทนี้มักจะมาพร้อมตัวเลือกเพื่อการตัดสินใจ เช่น อันไหนดี 10 อันดับดีที่สุด, 10 อันดับยอดนิยม เป็นต้น ที่บอกได้ชัดเจนที่สุดเลยก็คือการค้นหารีวิวเพื่อเปรียบเทียบและคัดเลือกอันที่ต้องการออกมา Amproseo ว่าอันนี้ก็เป็นอันที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ นะเพราะก่อนจะซื้อสินค้าหรือไปกินร้านอาหารก็มักจะตามหารีวิวมาก่อนว่า อันไหนจะดี ไปร้านไหนจะอร่อยในย่านนี้ นี่ก็คือ Commercial Intent ทั้งหมดด้วยเหมือนกัน
Transactional Intent
Amproseo บอกก่อนว่า Transactional Intent มีความคล้ายกับ Commercial Intent อยู่บ้างนะ แต่มันไม่ได้เหมือนทั้งหมด เพราะ Transactional Intent เป็นสถานะที่ User ตัดสินใจแล้วว่าอยากได้อะไร มีความชัดเจนมากขึ้น ไม่ต้องการตัวเลือกแล้ว แต่ว่าอยากรู้เกี่ยวกับวิธีการ ขั้นตอนเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถใช้บริการหรือซื้อสินค้าได้ Search Intent ของประเภทนี้ก็มักจะใช้คำกริยามาร่วมด้วยแล้ว เช่น ซื้อ ย้าย เปลี่ยน จ่าย เป็นคำที่บ่งบอกถึงความต้องการจะทำแล้วไงล่ะ
ความสำคัญของ Search Intent
จริงๆ แล้ว Search Intent เป็นเรื่องของคีย์เวิร์ดนั่นแหละ เพราะมันเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ Google สร้างขึ้นเพื่อเอามาตีความถึงความต้องการของ User ด้วยการใช้บริบทของคำมาตามหาข้อมูลเหล่านั้น ยิ่ง Google สามารถสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับ User ได้มากยิ่งขึ้น เมื่อเกิดความประทับใจ คนก็จะใช้บ่อยมากขึ้นตามไปด้วย
ซึ่ง Amproseo บอกเลยว่าความเจ๋งสุดของ Google คือเรื่อง Search Intent นี้เขาทำออกมาดีจริงๆ เชื่อว่าทุกคนก็รู้สึกเหมือนกัน แล้วเมื่อมันมีประสิทธิภาพมากขนาดนี้คนทำ SEO ย่อมได้ประโยชน์ไปด้วยอย่างแน่นอน
ความสำคัญของ Search Intent ต่อการทำ SEO
ความสำคัญข้างบนที่เราพูดถึงไปมันเป็นของ User และ Google เอง แล้วกับคนทำ SEO ล่ะ?
แน่นอนว่าสำคัญมาก เพราะเราสามารถสร้างคอนเทนต์จาก Search Intent ได้ยังไงล่ะ
การมี Search Intent นั้นเหมือนเป็นการได้ไกด์ไลน์ในการทำ SEO ยิ่งคุณสามารถเข้าใจและตามหา Search Intent ได้ตรงใจ Google กับ User มากเท่าไหร่ อันดับของ SEO ที่ปรากฏบน SERPs ก็ยิ่งดีมากขึ้น Amproseo สามารถบอกอย่างชัดเจนได้ 3 ข้อถึงความสำคัญที่ทำให้คุณต้องชื่นชอบ Search Intent ได้แก่
- ช่วยให้คุณวางกลยุทธ์ในการทำเนื้อหาได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะคุณจะสามารถสร้างคอนเทนต์ที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นได้ โดยรู้ได้ว่าควรใช้คำอย่างไร ใช้คำว่าอะไรมาช่วยเสริมดันให้ Google มองเห็นและเลือกไปนำเสนอ
- ช่วยให้คุณตอบคำถามถัดไปของ User ได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น เมื่อ User เข้ามาด้วยคำถามแรกแล้ว เขาอาจจะมีคำถามต่อๆ ไป เมื่อเรารู้ว่าคำถามถัดไปหรือ Search Intent คืออะไรก็สามารถสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกันโยงไปหากันได้ User ก็จะใช้เวลาในเว็บไซต์ของเรานานขึ้น ที่สำคัญ Google ก็จะรู้สึกว่าข้อมูลเราครบถ้วนดีสามารถนำไปนำเสนอต่อได้อีก
- ช่วยให้ผลลัพธ์ของการทำ SEO ดีมากขึ้น หากการใช้ Search Intent ทำให้ Google เลือกเสนอเนื้อหาของคุณและคุณสามารถตอบโจทย์ User ได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังไงอันดับของคุณก็ต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน เพราะทุกอย่างของ Google ล้วนทำให้กับ User ทั้งนั้น
วิธีการหา Search Intent
เมื่อคุณมีคีย์เวิร์ดที่ต้องการเขียนแล้วอย่างแรกเลยคือ คุณต้องเช็ค SERPs ที่ย่อมาจาก Search Engine Results Page ก็คือการลองเอาคีย์เวิร์ดคำนี้ของคุณไปค้นหาที่หน้า Google กันดูก่อน แต่อย่าเพิ่งกดค้นหานะ คุณอาจจะลองดูด้านล่างว่าเขาให้ตัวเลือกอะไรกับเรามาบ้าง ขั้นแรกเราจะดูตรงนั้นก่อนเลย มันเหมือนกับเป็นการเช็คดู Search Intent แบบเบื้องต้นว่าคนเขาค้นหาอะไรในคีย์เวิร์ดคำนี้กันบ้าง
อีกวิธีหนึ่งที่อาจจะสะดวกกว่าทั้งยังมีความน่าเชื่อถือมากกว่าคือการใช้เครื่องมือ SEO Tools ต่างๆ อย่างเช่น Google Keyword Planner เข้ามาดูซึ่งเครื่องมือตัวนี้จะสามารถดู Search Volume ที่จะบอกว่าคีย์เวิร์ดและ Search Intent หรือ Keyword Intent นี้มีการค้นหามากเท่าไหร่ เราก็สามารถหยิบเอาตัวที่มีความนิยมมากๆ และมี Search Intent ที่ตรงกับสิ่งที่ธุรกิจจะสามารถนำเสนอได้มาใช้สร้างคอนเทนต์ พร้อมกับเลือกตัวที่ได้รับความนิยมรองลงมาเพื่อวางกลยุทธ์ในการสร้างคอนเทนต์ให้เชื่อมโยงกันไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็ได้
วิธีการใช้ Search Intent ในคอนเทนต์เพื่อ SEO
เมื่อเราได้ Search Intent มาแล้วAmproseo บอกเลยจะเหมือนกับเราได้แนวทางการทำคอนเทนต์เรื่องหนึ่งมาแล้วครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว เพราะ Search Intent ที่เราได้มาสามารถนำมาเป็นหัวข้อหรือแนวทางการวางเรื่องให้ครอบคลุมและมีทิศทางที่สอดคล้องกับสิ่งที่ Google มองว่ามีคุณภาพเพราะมันคือสิ่งที่ User ตามหา
ขณะที่สร้างคอนเทนต์เราก็ใส่เอา Search Intent และคีย์เวิร์ดมาลงในชื่อบทความ คำโปรยหรือ Meta Description และหัวข้อต่างๆ ไปให้พอดี อย่าลืมใส่ลงในเนื้อหาตามหลักของ SEO เท่านี้คอนเทนต์ของคุณก็จะมีการใช้ Search Intent เข้ามาช่วยทำให้ Google มองเห็นและจัดคอนเทนต์ให้ไปอยู่ในอันดับที่ดีมากขึ้นเมื่อมีคนค้นหาคำคีย์เวิร์ดหรือ Search Intent นั้นๆ (อ่านวิธีการใส่ Keyword ลงไปในคอนเทนต์ได้ที่ Keywords คืออะไร สำคัญอย่างไร ดูวิธีการใช้งานเพื่อเพิ่มโอกาสในการค้นหา)
สรุป
Amproseo ว่าเรื่องของ Search Intent เป็นเรื่องที่คนทำ SEO จะไม่รู้ไม่ได้เลยนะ เพราะมันคือเรื่องที่ต้องรู้ก่อนที่เราจะสร้างคอนเทนต์ให้มาอยู่หน้าแรกของ Google ให้เสิร์ชเอนจิ้นตัวนี้มองว่าคอนเทนต์ของเรามีคุณภาพ และยังเป็นการทำความเข้าใจกับวิธีการค้นหาบนเสิร์ชเอนจิ้นของ User ด้วยว่าคำถามอะไรบ้างที่พวกเขาต้องการคำตอบ อีกทั้ง Search Intent ไม่ใช่เรื่องยากเลย หากใครที่ต้องการสร้างคอนเทนต์ให้มีประสิทธิภาพในการไต่อันดับเรื่องนี้ก็นับว่าขาดไม่ได้จริงๆ นะ