PageRank

เมื่อพูดถึงการติดอันดับเว็บไซต์บน SERPs แล้วล่ะก็ต้องโฟกัสเมตริกต่างๆ ที่ช่วยทำให้ประสิทธิภาพของเว็บไซต์ดีขึ้นจนติดอันดับ Google ในหน้าแรกๆ ตามที่ต้องการ เช่น Bounce Rate, Dwell Time, Organic CTR ฯลฯ และในบทความนี้ AMPROSEO ก็จะขอพูดถึงอีกหนึ่งเมตริกที่ใช้สำหรับประเมินและตัดสินคุณภาพของเว็บไซต์อีกตัวหนึ่ง นั่นคือ PageRank มาดูกันดีกว่าว่า PageRank คืออะไร สำคัญอย่างไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วตามไปดูกันเลยดีกว่าฮิปป

PageRank คืออะไร

PageRank คืออะไร

PageRank (PR) คือ อัลกอริทึมที่ใช้ในการวัดหรือประเมินคุณภาพของหน้าต่างๆ ในเว็บไซต์ โดยมีตัวเลขตั้งแต่ 0 ถึง 10 ยิ่งมีค่า PageRank สูงก็แสดงว่าเว็บไซต์มีโอกาสที่จะถูกจัดอันดับไปในตำแหน่งบน Search Engine ที่ดีขึ้น ซึ่งการพิจารณา PageRank จะดูจากจำนวนลิงก์ที่เชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ และความสำคัญของเว็บไซต์ที่มีลิงก์เชื่อมโยงมา (แต่ค่า PR จะเป็นการวัดค่าหน้าเว็บไซต์หนึ่งหน้าเท่านั้นไม่ใช่ทั้งเว็บไซต์)

PageRank ต่างกับ Link Juice อย่างไร

หลายคนอาจจะสับสนว่าแล้ว PageRank มีความแตกต่างจาก Link Juice ยังไง?

อย่างที่บอกไปแล้วว่า PageRank เป็นการวัดและประเมินคุณภาพของเว็บไซต์จากการดูว่าเว็บไซต์ได้รับ Backlink มาจากไหน มีลิงก์เชื่อมโยงมายังเว็บไซต์เท่าไหร่ มีคุณภาพหรือไม่ จะแตกต่างจาก Link Juice ที่เป็นวิธีการทำ Link Building  ที่ใช้ในการอ้างอิงค่าพลังของลิงก์ที่ส่งผ่านไปยังหน้าเว็บอื่นๆ ทั้งการทำ Internal Link และ External Link

สรุปง่าย ๆ คือ PageRank จะเน้นดูเฉพาะ Backlink จากเว็บไซต์ภายนอก ส่วน Link Juice จะดูทั้งลิงก์ภายในและภายนอก ยกตัวอย่างเช่น  ถ้าเว็บไซต์ A มีลิงก์เชื่อมโยงจากเว็บไซต์ B ที่มี PageRank สูง จะทำให้เว็บไซต์ A มีโอกาสได้รับ PageRank สูงขึ้นเช่นกัน และเว็บไซต์ A จะส่ง Link Juice ไปยังเว็บไซต์ B ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสำคัญและคุณค่าของเว็บไซต์ B ขึ้นมาได้อีกทางหนึ่งนั่นเอง

PageRank สำคัญอย่างไรกับการทำ SEO

PageRank เป็นองค์ประกอบสำคัญในการทำ SEO  เพราะถ้าเว็บไซต์ไหนมี PageRank สูง ก็จะมีโอกาสติดอันดับสูงในผลการค้นหามากขึ้น ซึ่งการติดอันดับที่ดีก็จะช่วยเพิ่มยอดการมองเห็น (Impression) และยอดการเข้าชม (Traffic) ให้กับเว็บไซต์ได้มากยิ่งขึ้น แน่นอนว่า ส่งผลต่อยอด Conversion ให้กับธุรกิจได้ด้วย

วิธีการทำงานของ PageRank

วิธีการทำงานของ PageRank จะคำนวณจากลิงก์ที่ได้จากเว็บไซต์อื่นๆ ที่เชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ของคุณ โดยจะคำนวณจากคุณภาพของลิงก์ ซึ่งจะตัดสินจากความเกี่ยวข้องของลิงก์กับเนื้อหาที่อยู่ภายในเว็บไซต์ของคุณ รวมถึงคิดคำนวณจากค่า PR ของเว็บไซต์ที่ลิงก์มายังเว็บไซต์คุณด้วย หากเว็บไซต์ที่ทำ Backlink เข้ามาหาคุณมี PR สูง ค่า PR ของเว็บไซต์คุณก็มีแนวโน้มจะสูงตามด้วย ซึ่งค่า PageRank ที่ดีย่อมทำให้ Google มองเห็นและให้ความสำคัญกับหน้าเพจนั้นๆ มากขึ้น ทำให้หน้านั้นๆ มีอันดับที่พุ่งสูงขึ้นด้วย

ปัจจัยที่ส่งผลต่อ PageRank

มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อ PageRank ของเว็บไซต์ โดยจะขอแบ่งออกเป็น 3 ปัจจัย ดังนี้

  • จำนวนของ Backlink ที่มีคุณภาพ

PageRank จะนับจำนวนและความสามารถของลิงก์ที่ได้รับมาจากเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งคะแนน PageRank ที่ได้จะเหมือนกับเราได้รับคะแนนโหวต ยิ่งคุณได้รับคะแนนโหวตมากเท่าไหร่ เพจของคุณก็จะยิ่งมี “อำนาจ” มากขึ้นเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น หน้า B และหน้า C ต่างก็ได้รับ Backlink มาจากหน้า A อย่างไรก็ตาม หน้า C ก็มีลิงก์ย้อนกลับจากหน้า F ด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงมี PageRank ที่สูงกว่าหน้า B แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับคุณภาพของ Backlink นั้นๆ ด้วย โดย Backlink ที่ว่าควรมีคุณสมบัติ ดังนี้

    • PageRank ของหน้าที่ทำ Backlink กลับมายังเว็บไซต์
    • ความเกี่ยวข้องของเว็บไซต์ที่ทำลิงก์มายังเว็บไซต์
    • อันดับของลิงก์ที่ทำ Backlink กลับมายังเว็บไซต์
  • PageRank ของหน้าที่ทำ Backlink กลับมายังเว็บไซต์

PageRank ของเพจจะขึ้นอยู่กับ PageRank ของเว็บไซต์ที่ทำการลิงก์มายังเว็บไซต์ของคุณ ดังนั้น Backlink ที่ได้จากเว็บไซต์ที่มี PageRank สูงกว่าจะดีกว่าลิงก์ที่มาจากหน้าที่มี PR ต่ำเสมอ (หากเงื่อนไขอื่นๆ ทั้งหมดเหมือนกัน)

  • จำนวนลิงก์ในหน้าที่ทำการลิงก์มายังเว็บไซต์

ปัจจัยที่ส่งผลต่อ PageRank เช่น จำนวนลิงก์ในหน้าที่ทำการลิงก์มายังเว็บไซต์

ค่า PageRank ของทุกหน้าจะถูกกระจายอำนาจไปให้ทุกหน้าที่ลิงก์ไปเท่าๆ กัน อย่างในภาพจะเห็นว่า หน้า A เชื่อมโยงไปยังหน้าอื่นอีก 2 หน้า ดังนั้น PageRank จะถูกแบ่งครึ่งไปให้หน้า B และ C หน้าละ 2 คะแนน ส่วนหน้า F ที่มี 3 PageRank คะแนน ก็จะถูกแบ่งไปให้หน้า C D และ E หน้าละ 1 คะแนนตามภาพ

วิธีการเพิ่ม PageRank ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

สำหรับใครที่ต้องการปรับปรุง PageRank ให้มีคะแนนมากยิ่งขึ้น จำเป็นที่จะต้องปรับปรุงการทำ Internal Link และสร้าง Backlink กลับมายังเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งมีกลยุทธ์มากมายที่สามารถทำได้ เช่น

  • การทำ Outreach 

จะเป็นการทำ Link Building รูปแบบหนึ่งด้วยการติดต่อไปยังเว็บไซต์ที่คุณต้องการ Backlink เพื่อให้เว็บไซต์เหล่านั้นทำการลงเนื้อหาบทความที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของคุณแล้วทำการลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ของคุณ โดยเว็บไซต์เหล่านั้นก็ควรที่จะอยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันกับคุณ และมี PR ที่ดีด้วย

  • การแก้ไขลิงก์เสีย

ทำการค้นหา Backlink ที่เป็นลิงก์เสีย หรือ Broken Backlinks ที่อาจทำให้คุณภาพของเว็บไซต์ลดลงได้ จากการที่ Google Bot เข้ามาสำรวจเว็บไซต์แล้วเจอว่ามี Backlink ที่เป็นลิงก์เสียเข้ามายังเว็บไซต์จำนวนมาก และอาจทำให้อัลกอริทึมก็จะจดจำว่าเว็บไซต์ดังกล่าวไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งส่งผลให้เว็บไซต์อันดับลดลงได้ ทางที่ดีควรทำการติดต่อเว็บไซต์ปลายทางเพื่อแก้ลิงก์เสีย หรือทำการ Disavow links เพิ่มเติม

  • การทำ Guest blogging

เป็นการเขียนบล็อกและเผยแพร่บนเว็บไซต์อื่นๆ เพื่อทำให้ได้ Backlink กลับมายังเว็บไซต์ของคุณ โดยเว็บไซต์หรือบล็อกอื่นๆ ควรมีเนื้อหาใกล้เคียงกับเนื้อหาเว็บไซต์ของคุณด้วย จึงจะนับว่าเป็น Backlink ที่มีคุณภาพ

สรุป

PageRank คือ องค์ประกอบที่สำคัญในการทำ SEO ซึ่ง PageRank เป็นอัลกอริทึมที่ Google ใช้ในการจัดอันดับเว็บไซต์ โดยพิจารณาจาก Backlink ที่เชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ว่ามีคุณภาพหรือไม่ จะแตกต่างกับ Link Juice ซึ่งเป็นค่าที่เกี่ยวข้องกับทั้ง Internal Link และ External Link ในเว็บไซต์ แต่การทำ PageRank และการส่ง Link Juice ที่มีประสิทธิภาพ ทั้ง 2 ส่วนจะช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับสูงใน SERP และเพิ่มโอกาสให้ Google มองเห็นว่าเว็บไซต์ของคุณน่าเชื่อถือ ทำให้จัดอันดับให้อยู่ในตำแหน่งที่ดีมากขึ้นด้วย ดังนั้น อย่าลืมที่จะปรับปรุงคะแนน PageRank รวมถึง Link Juice ให้ดีขึ้นด้วยนะคะ

เขียนโดย: น้อง Hippo
น้อง Hippo
บล็อกนี้ เป็นแหล่งรวมความรู้ SEO และการตลาดออนไลน์ที่ครบครันที่สุด อ่านแล้วนำไปใช้ได้จริง พัฒนาทักษะของคุณให้เติบโต