Google Keyword Planner
กลับมาเจอกันในหัวข้อ SEO Tools ที่ AMPROSEO อยากแนะนำกันอีกแล้วนะเมี้ยว รอบก่อนแมวส้มได้ทำการแนะนำเครื่องมือเด็ดอย่าง Ubersuggest ที่สามารถใช้งานแบบฟรีได้กันไปแล้ว คราวนี้ก็มาถึงอีกหนึ่งโปรแกรมหา Keyword แบบเบสิกที่หลายคนน่าจะคุ้นหูกันดีอย่าง Google Keyword Planner แต่หลายคนที่เป็นนักทำ SEO มือใหม่อาจจะยังไม่รู้ว่าใช้งานได้อย่างไร สมัครได้ทางไหนบ้าง หรือเครื่องมือนี้มีข้อดีและข้อจำกัดอย่างไร
ตามแมวส้มไปดูกันดีกว่าว่า Google Keyword Planner คืออะไร และใช้ทำอะไรได้บ้างในบทความนี้เลย!
Google Keyword Planner คืออะไร
Google Keyword Planner คือ เครื่องมือสำหรับวางแผน Keyword จาก Google โดยตรง ซึ่งสามารถใช้ทำ Keyword Research ให้กับทั้งฝั่ง SEO หรือสำหรับที่ยิง Google Ads เรียกว่าเป็นเครื่องมือพื้นฐานสำหรับมือใหม่ที่อยากได้ SEO Tool เพื่อใช้ในการค้นหา Keywords ใหม่ๆ หรือหาไอเดียของ Keywords ใหม่ๆ พร้อมดูว่า Keyword Trends เป็นยังไง รวมถึงมีการแข่งขันในแต่ละคีย์เวิร์ดเป็นยังไงบ้างได้ด้วย
ใช้ Google Keyword Planner ฟรีได้หรือไม่
สำหรับใครที่ต้องการทดลองใช้ SEO Tool แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นจากตัวไหนดี Google Keyword Planner คือ เครื่องมือที่ตอบโจทย์มากเพราะสามารถใช้งานในรูปแบบฟรีได้ด้วย แต่หน้าตาของเครื่องมืออาจจะแตกต่างกับตัวเวอร์ชันเสียเงินอยู่บ้าง ลองดูจากรูปภาพได้เลย
จะเห็นว่าหากใช้ Google Keyword Planner ในเวอร์ชันฟรีในส่วนของ Avg. Monthly Searchs หรือค่าเฉลี่ยของปริมาณการค้นหา Keyword นั้นๆ ในแต่ละเดือนจะขึ้นมาเป็นค่าเฉลี่ย ไม่ได้แสดงเป็นตัวเลขเฉพาะเจาะจง เช่น 1K-10K, 100K-1M เป็นต้น แต่ก็พอที่จะมองเห็นปริมาณของการค้นหาคำๆ นั้นว่าเยอะหรือน้อยในแต่ละเดือน
ส่วนใครที่ทำการยิง Google Ads อยู่แล้ว หน้าตาของ Google Keyword Planner จะเปลี่ยนไปโดยที่ Avg. Monthly Searchs หรือค่าเฉลี่ยของปริมาณการค้นหาในแต่ละคีย์เวิร์ดจะมีเลข Search Volume ขึ้นมาให้อย่างชัดเจน และมีกราฟ Trend Search แยกให้ดูแบบในภาพอีกด้วย
Google Keyword Planner สมัครยังไง
ในเมื่อใช้งานได้ในรูปแบบฟรีก็ต้องมีหลายคนอยากที่จะลองเข้าไปใช้งานดูแล้วใช่ไหมล่ะ ถ้าอย่างนั้นมาลองดูวิธีสมัครใช้งาน Google Keyword Planner ไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่านะเมี้ยว~
- เข้าไปที่ https://ads.google.com/home/tools/keyword-planner/ หรือจะค้นหาคำว่า Google Keyword Planner ก็ได้
- หากคุณยังไม่มี Account ของทาง Google ก็ให้ทำการสมัครก่อนโดยกดที่ ‘ลงชื่อเข้าใช้’
- ให้คลิกที่ Create Account ส่วนใครที่มีบัญชีอยู่แล้วก็พิมพ์ E-mail หรือเบอร์โทร รวมถึง Password เพื่อล็อกอินใช้งานได้เลย
- สำหรับการสร้าง Google Account จะสามารถเลือกได้ว่าจะสร้างเป็น Account ให้ใคร และมีวัตถุประสงค์ในการใช้งานยังไง
- ทำการกรอกข้อมูลให้เรียบร้อย หลังจากนั้นกด ‘ถัดไป’ เรื่อยๆ
- หลังจากนั้นให้อ่านข้อมูลความเป็นส่วนตัวและข้อกำหนด แล้วกด ‘ฉันยอมรับ’
- หลังจากนั้นจะเห็นคำถามเกี่ยวกับการสร้าง Google Ads Account ถ้าคุณมีอยู่แล้วก็กด Switch Google Account ได้ แต่ถ้าไม่มีให้คลิกที่ New Google Ads Account
- เมื่อกดสร้าง Account คำถามแรกที่ขึ้นมาจะเป็นการกรอกชื่อของธุรกิจ หลังจากนั้นให้กด Next
- มีการถามถึงเว็บไซต์ของคุณ ก็ทำการกรอก URL ของเว็บไซต์ลงไปแล้วกด Next
- Google จะถามคุณว่า “What’s your main advertising goal” ให้เลือก Objective ที่ต้องการ แต่คุณไม่ต้องทำการคลิกอะไรให้เลื่อนลงมาที่ Switch to Expert Mode แล้วกดคลิกเลย
- ต่อมาจะมีหน้าต่างให้เลือก Objective ของการยิงแอด แต่เราจะไม่ได้ยิงแอด เราก็คลิกที่ Create an account without a campaign ที่อยู่มุมซ้ายมือของจอแทน
- เลือก “Submit” ในหน้านี้ได้เลย
- เท่านี้ก็เสร็จให้คุณเริ่มต้นใช้งาน Account ได้ทันที
วิธีใช้ Google Keyword Planner เบื้องต้น
ผ่านขั้นตอนของการสมัครมาแล้วก็ถึงส่วนของการเริ่มต้นใช้งาน Google Keyword Planner ในเบื้องต้นกันบ้าง เริ่มแรกที่คุณเข้ามาจะเจอกับหน้าต่างที่ใช้สำหรับการยิง Google Ads แต่คุณไม่ต้องสนใจ ให้ไปที่ Tools เลือกที่ Planning และจะเห็นคำว่า Keyword Planner ให้ทำการคลิกเข้าไปเลย
หน้าต่อมาที่จะเห็นคือ หน้าของ Google Keyword Planner โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ฟังก์ชันให้เลือกใช้งาน ได้แก่
- Discover new keywords คือ การใส่คีย์เวิร์ดเพื่อหาว่ามีคนสนใจอยู่มากน้อยแค่ไหน โดยใส่ได้สูงสุด 10 คำ
- Get search volume and forecasts คือ การหาว่าจำนวนการค้นหาของ Keyword ในแต่ละเดือนมีปริมาณเท่าไหร่
เดี๋ยวเรามาเจาะแยกกันทีละตัวเลยดีกว่า!
Discover new keywords
เมื่อเข้ามาที่ Discover new keywords ให้พิมพ์ Keyword ที่ต้องการ หรือลิงก์ URL ที่เกี่ยวข้องลงไป แล้วกดที่ Get results ได้เลย
หลังจากนั้นจะมีหน้า Keyword ideas ปรากฏขึ้นมา โดยในหน้านี้จะมีรายละเอียดต่างๆ ที่คุณสามารถใช้วิเคราะห์ Keyword ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น…
- Keyword (by relevant) คือ แนวคิดของ Keyword ที่เกี่ยวข้องกับคำที่เราพิมพ์ลงไป
- Avg. Monthly Searches คือ ปริมาณการค้นหาเฉลี่ยต่อเดือน
- Competition คือ การแข่งขันของ Keyword นั้นๆ โดยจะใช้ดูว่ามีคู่แข่งที่ใช้คีย์เวิร์ดเดียวกันเยอะมั้ย โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ High (แข่งขันสูง) Medium (แข่งขันปานกลาง) และ Low (แข่งขันต่ำ)
- Top of page bid (Low range) คือ ราคาประมูลเฉลี่ยในตำแหน่งต่ำสุดในตำแหน่งบนๆ ของหน้า Google
- Top of Page Bid (High Range) คือ ราคาประมูลเฉลี่ยในตำแหน่งสูงสุดในตำแหน่งบนๆ ของหน้า Google
Get search volume and forecasts
ถ้าเลือก Get search volume and forecasts แล้วเพิ่ม Keyword ที่ต้องการลงไปไม่ว่าจะด้วยการพิมพ์คำนั้นๆ โดยตรง หรือทำการอัปโหลดไฟล์ Keyword ที่มีก็ได้หลังจากนั้นให้กด Get Started เลย
หลังจากนั้นจะปรากฏหน้า Saeved Keyword ของคำคีย์เวิร์ดที่เราทำการใส่ข้อมูลเข้ามา โดยมีข้อมูลเหมือนกันกับผลลัพธ์แบบ Discover new keywords
เมื่อคุณทำการคัด Keyword จนพอใจแล้วให้กดไปที่ Forecast จะเห็นว่ามีการคาดการณ์จำนวนคลิก จำนวนการมองเห็นหรือ Impression ไปจนถึงจำนวนเงินที่ใช้ CTR และ Avg. CPC สำหรับฝั่งแอดให้ละเอียด
เมื่อเลื่อนลงมาด้านล่างจะเห็นว่ามีตารางแยกให้ด้วยว่า Keyword แต่ละตัวมีผลลัพธ์ที่คาดการณ์ไว้ประมาณเท่าไหร่ เพื่อใช้ในการตัดสินใจเลือก Keyword ที่ต้องการได้ดียิ่งขึ้น
มีส่วนที่ประเมินเทรนด์การเสิร์ชล่วงหน้า รวมถึงบอกด้วยว่าผู้คนค้นหาคำนี้ผ่านเครื่องมืออะไรบ้าง อย่างโทรศัพท์ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์
สุดท้ายยังมีการบอกด้วยว่า ผู้คนค้นหาคำนี้จาก Location ไหนบ้าง มี % อยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ ซึ่งนำมาใช้ในการทำ Local SEO ได้อีกด้วย
Google Keyword Planner ใช้ทำอะไรได้บ้าง
Google Keyword Planner สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น…
- ใช้ทำ Keyword Research
ใครที่เป็นมือใหม่ก็อาจจะใช้เครื่องมือนี้ในการแตก Keyword โดยใช้ในการหา Long-Tail Keyword ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเพิ่มเติมได้นอกเหนือจาก Seed Keyword ซึ่งเป็นคำสั้นๆ ทั่วไป เพื่อเพิ่มโอกาสในการติดอันดับมากยิ่งขึ้น
หรือถ้าใคร Advanced ขึ้นมาหน่อยก็สามารถใช้ Google Keyword Planner ในการเลือก Keyword ที่มีโอกาสสร้าง Conversion ให้กับเว็บไซต์เพิ่มเติมได้ เนื่องจากเป็นกลุ่มของ Keyword ที่มี Search Intent ที่มุ่งเน้นเพื่อซื้อขายสินค้าหรือใช้บริการโดยเฉพาะ โดยดูที่ Top of page bid (high range) หากผู้คนยอมที่จะจ่ายค่าโฆษณาหรือที่เรียกกันว่า การ Bidding โฆษณาในราคาที่สูง ก็จะพอเป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้ว่า Keyword นี้มีโอกาสสร้าง Conversion ได้คนเลยเลือกที่จะ Bidding คำๆ นี้แข่งกันนั่นเอง
ส่วนใครที่คิดอะไรไม่ออกก็อาจจะลองใช้วิธีการค้นหาคำที่ต้องการเพิ่มเติม โดยอาจจะเริ่มจากคำที่คิดว่าเป็นสิ่งที่ค้นจะถามเกี่ยวกับ Keyword ของเราก็ได้ โดยคลิกที่ Add filters เลือก Keyword
หลังจากนั้นก็พิมพ์คำที่ค้นหาลงไป เช่น คือ, ทำไม, ราคา ฯลฯ ซึ่งเป็นคำที่คนมักใช้ในการถาม Google อยู่บ่อยๆ แล้วกด Apply
หลังจากนั้น Keyword ที่มีคำที่เราค้นหาก็จะปรากฏขึ้นมาให้เหมือนในภาพเลย
- ใช้ส่อง Keyword ของเว็บไซต์คู่แข่ง
หากรู้สึกตื้อๆ ตันๆ ไม่รู้จะใช้ Keyword อะไรบนเว็บไซต์ดี ลองใช้ Google Keyword Planner ส่องคู่แข่งดูก็ได้นะว่าพวกเขาใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการอะไรบ้างในเว็บไซต์ โดยให้เข้าไปที่ Discover new keywords >> พิมพ์ Keyword ที่สนใจลงไป >> ใส่ URL ของเว็บไซต์คู่แข่ง >> ทำการกด Get Results
เพียงเท่านี้ก็จะเห็นไอเดีย Keyword จากเว็บไซต์คู่แข่งมาแล้ว หลังจากนั้นก็คัดเลือก Keyword ที่ต้องการทำได้เลย
- ใช้ทำ Local SEO
Local SEO คือ การทำ SEO ที่เน้นทำอันดับเฉพาะ Keyword + พื้นที่ต่างๆ ที่อยู่ในบริเวณที่ธุรกิจครอบคลุม ดังนั้นใครที่มีหน้าร้านในทำเลไหนก็ลองใช้ Google Keyword Planner ในการค้นหาเฉพาะ Location เพิ่มเติมได้ โดยเข้าไปที่ Discover new keywords >> พิมพ์ Keyword ที่สนใจลงไป >> เลือก Location ที่อยู่ใต้ช่องกรอก Keyword >> ทำการกด Get Results ได้เลย
หลังจากนั้นให้พิมพ์พื้นที่ตั้งของธุรกิจหรือทำเล เขต ย่าน จังหวัดที่สนใจ แล้วทำการกด Save เพียงเท่านี้คุณก็จะรู้แล้วว่า Keyword ที่คุณเลือกในทำเลนั้นๆ มีคนเสิร์ชอยู่ที่เท่าไหร่
ข้อจำกัดของ Google Keyword Planner
สำหรับสายฟรีจะเห็นแล้วว่า ข้อจำกัดของ Google Keyword Planner คือ ผลลัพธ์ที่แสดงผลในด้าน Search Voluem ของแต่ละ Keyword นั้นไม่ได้ออกมาเป็นตัวเลขที่ชัดเจนให้อย่างกับบัญชีที่ทำการยิง Google Ads บางครั้งอาจทำให้ข้อมูลหรือการตัดสินใจคลาดเคลื่อนได้ง่าย ก็อาจจะใช้ SEO Tools ตัวอื่นๆ ในการช่วยเพิ่มเติมได้
สรุป
Google Keyword Planner คือ เครื่องมือใช้หา Keyword สำหรับคนทำ SEO และคนที่ทำการยิงโฆษณา Google Ads นอกจากนี้ยังใช้สอดส่องคู่แข่ง ไปจนถึงหาไอเดียคีย์เวิร์ดเพิ่มเติมได้แบบฟรีๆ ใครที่ไม่อยากเสียเงินแล้วอยากได้แนวโน้มของ Keyword ที่เหมาะสมสำหรับนำมาทำเว็บไซต์หรือทำคอนเทนต์สามารถใช้เครื่องมือนี้เป็นตัวช่วยในเบื้องต้นได้ ยังไงก็ลองนำเครื่องมือนี้ใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ อย่างเช่น Google Trend เพื่อดูกระแสของคีย์เวิร์ดว่าเทรนด์ของคำๆ นั้นเป็นยังไง ควรจะหยิบมาทำหรือไม่ได้ด้วยนะคะ